22 ธันวาคม 2550

มาเก๊า... วันแรกรัก (ตอนแรก)

ตอน : มาเก๊า... วันแรกรัก (ตอนแรก)
ผู้นำทางอร่อย : หมูหย็อง
ผู้ชิมร่วม : หมูแผ่น


จั่วหัวซะหวานเลย แต่อย่าคาดหวังว่าเนื้อความข้างในจะหวานตามที่จั่วไว้นะจ๊ะ
การเดินทางของหมูหย็องเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 6.00 am ของวันที่ 6 พย. กระเป๋าที่จัดเตรียมไว้ และของต่างๆที่จำเป็นในการเดินทาง (เดี๋ยวจะแยกไว้เป็นอีกหัวข้อนะเผื่อใครขี้เกียจคิดว่าจะเอาอะไรไปมั่ง เวลาเดินทาง)
ถูกวางไว้และเหมือนมันจะยิ้มให้พร้อมกับบอกว่า อ่ะดิชั้นพร้อมแล้ว พร้อมให้คุณหมูหย็องลากถูลู่กังไปด้วย ณ บัดนาวว์

เราสองคน พร้อมด้วยกระเป๋าใบเขื่อง(หวังว่าคงเป็นคำสุภาพนะคะ) กระเป๋ากล้องและกระเป๋าสัมภาระน้อยๆอีกหนึ่งใบ ออกเดินทางจากบ้านตอน 7.00 am และไปโผล่ที่สุวรรณภูมิ เวลา 7.30 am
ด้วยความที่คุณหมูแผ่น เพื่อนร่วมทริป อยากไปเตร่ใน duty free เลยพยายามจะเผื่อเวลาให้ได้มากที่สุด แต่ว่าอนาจยิ่งที่เราถ่อมาแต่เช้าเพื่อที่จะมารับรู้ว่าแอร์เอเชีย ยังมิเปิดเคาเตอร์เชคอินค่ะคุณ
ทีนี้เอาไงดี มิเป็นไรค่ะ เราสองคนไปหาอะไรรองท้องก่อนก็ล่าย ปัดโถ่เฟ้ย เราสองคนไปนั่งกระเดือกอาหารเช้า(ตรู่ ) ที่ S&P เป็นเวลาเกือบๆชม ก่อนที่จะมาพบว่าที่เคาเตอร์แอร์เอเชียตอนนี้แน่นขนัดไปด้วยหัวดำหัวแดงเต็มไปหม้ดดด
เสียเวลาที่เคาเตอร์และตม อีกประมาณครึ่งชม คุณหมูแผ่นก็เสร็จสมอารมณ์หมาย ณ Duty free นั่นเอง ไปโฉบเอา Bobby Brown มาสองเซ็ท อย่างรวดเร็ว

ตัดภาพมาที่หนามบินมาเก๊าเลยนะจ๊ะ เกาะมาเก๊าวันนั้นเต็มไปด้วยหมอกหนาที่ปกคลุมไปเสียตั้งแต่น่านน้ำ จนถึงตึกรามบ้านช่อง ตอนลงจากเครื่องหมูหย็องเลยได้สัมผัสลมหนาวที่สุดยะเยือก นั่นคือความอิ่มเอมแรกที่พบเจอ ณ เกาะแห่งนี้ (หึๆ นี่แหละอากาศที่อยากเจอ)เดินกระย๊องกระแย๊งฝ่าลมหนาวเข้า terminal และสิ่งที่หมูหย็องมองหาเป็นที่แรก หลังหลุดจาก ตม แล้วก็คือที่แลกเงิน เพราะเราต้องใช้เหรียญมาเก๊าในการจ่ายค่ารถเมล์ ครั้นจะใช้แบงค์ 500 จ่ายก็กระไรอยู่เพราะรถเมล์ที่นี่เป็นแบบหยอดเงินเข้ากระปุก ดังนั้นเลยไม่มีใครมาคอยแง๊บๆทอนตังค์ให้เหมือนรถเมล์บ้านเรา
หลังจากแตกแบงค์ 500 dollas Hongkong เป็นแบงค์ย่อยๆและหรียญอีกจำนวนนึงแล้ว หมูหย็องเลือกวิธีนั่ง AP1 ซึ่งวิ่งจากสนามเข้าสู่ตัวเมืองมาเก๊า (สนามบินอยู่เขตไทปา) ใช้เวลาในการนั่งAP1 ประมาณ 15 นาทีเห็นจะได้หมูหย็องกะหมูแผ่นก็มายืนชะเง้อแลหารถเมล์เพื่อต่อไปยังโรงแรม และแล้วเราก็เจอรถเมล์สายที่เราเล็งกันไว้ พวกเราวิ่งขึ้นไปนั่งด้วยความมั่นใจ ระหว่างทางก็ชมทัศนียภาพพร้อมกับการใช้สมองซีกขวาซีกซ้ายกับการ จำๆๆๆๆๆ จำสองข้างทางไว้ให้ได้มากที่สุด เผื่อได้ใช้ประโยชน์ไง(คิดในใจ) ป้ายรถเมล์ที่เราคาดหวังว่าจะเจอเพื่อกดออดให้รถจอดนั้น ทำไมมันหายากหาเย็นนัก(วะ) คนในรถเมล์คนแล้วคนเล่าขึ้นมา และลงไป ขึ้นมาและลงไป แต่เราสองคนก็ยังไม่ได้ลงกะเค้าเสียที ความมั่นใจที่มีเริ่มลดลงไปประมาณ 38.99% และแล้วมันก็เหลือ 0 % จนได้ เพราะว่ารถเมล์คันที่เรานั่งนั้นมันสุดสายที่ด่านกงเป่ยและเราก็ต้องลงซะแหล่ว แป๊วๆๆๆ ทำไงดี ก็กางแผนที่สิคะคุณ เดินโต๋ๆเต๋ๆ ไปเจอคนไทยคู่นึง ก็ช่วยเราไม่ได้ เพราะเค้าก็เพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรกเหมือนกัน ตอนแรกเราตัดสินใจจะนั่งรถแท๊กซี่ให้ไปส่งที่โรงแรมซะเลย แต่ด้วยความงก เราเปลี่ยนใจกระทันหันเอาตัวออกจากแถวที่คนเป็นร้อยยืนรอแทีกซี่ แล้วก็เดินกลับไปที่อู่รถพร้อมกับมองป้ายรถเมลล์สายต่างๆ เราเลือกรถเมลล์ได้หนึ่งสายและยอมเสี่ยงขึ้นไปนั่งอีกครั้ง คราวนี้รถเมลล์ที่เรานั่งเป็นสายที่ฮ็อตฮิตพอสมควรดูจากปริมาณของคนบนรถนะ สบโอกาสหมูหย็องก็กางแผนที่ออกมาแล้วถามคนข้างๆเป็นภาษาอังกิดว่าจะไปที่โรงแรมนี้ ถนนเส้นนี้ได้อย่างไร ต้องลงป้ายไหน เจ๊ก็สุดแสนจะใจดีรีบมองตามแผนที่ที่หมูหย็องชี้ และสปี๊คกลับมาด้วยภาษาที่คุ้นเคย ล่ง เฉี่ยว หยาง สวี่ โหว่ เล่ย xxxxxxxxx ใช่แล้วภาษาคุ้นเคยของคนแถวนั้น แต่สำหรับหมูหย็องกับหมูแผ่นนี่ มึนตึ๊บไปเลย เจ๊เค้าก็พยายามมากเลยนะที่จะช่วยเราสองคน ด้วยวิธีที่หนึ่งคือ เจ๊เค้าโทรไปถามเพื่อนประมาณว่าขอตัวช่วยอ่ะนะ แต่เหมือนว่าเพื่อนเค้าก็ช่วยไม่ได้ และวิธีที่สองซึ่งได้ผลมากคือเจ๊เค้าเอาคำถามของเราไปถามคนบนรถเมลล์ซะเลย (อู้ว ยอดๆ) มีแม่นางหนึ่งบอกว่าจะไปลงที่เดียวกับที่เราจะลงอ่ะแหละ ดังนั้นให้ตามเค้าไป โอเค หมูหย็องโล่งอกขึ้นมา 50% ง่ายดีเว้ย ไม่หลงแน่ถ้าคุณหล่อนก้าวปุ๊บ ดิชั้นจะก้าวตามค่ะ หุๆ อีก 50% คิดในใจว่ามันเต็มใจพาตรูไปเปล่าวะเนี่ย หน้าเป็นจวักเลย หึๆ แต่มันอาจจะเป็น Symbol of her face ก็ได้นะ อย่าไปคิดมากเลยไอ้หมูหย็อง

ตัดกลับมาที่ป้ายรถเมลล์ที่เราลงแถวๆโรงแรม ส่วนแม่นางหน้าจวักพอส่งเราแล้วก็รีบเดินหนีไปเลย ฮ่าๆ เรากางแผนที่อีกรอบก็ยังงงๆกับเส้นทางแถวนั้นอยู่ เล็งตัวช่วยหนึ่งคนแล้วเดินเข้าไปพร้อมแผนที่ แล้วเราก็เล็งไม่ผิดตัวแฮะ เธอพูดอังกฤษได้ดีมาก บอกเส้นทางเดินให้เรา พร้อมกับถ่อมตัวว่า ต้องขอโทษด้วยที่เธออธิบายเส้นทางให้ไม่แจ่มชัดเท่าไหร่ เพราะภาษาอังกฤษของเธอนั้นยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อืม น่ารักมากๆเลยแฮะ

เราเดินวนหาโรงแรมอีกประมาณ 15 นาทีและในที่สุดก็ได้เช็คอิน พร้อมกับมองนาฬิกาที่ปรับเวลามาจากสนามบินซึ่งบอกเวลาที่ 4.00 pm เป็นอันว่าเราเสียเวลาในการหลงทางอยู่ประมาณ 1 ชมแน่ะ (อู้ แม่เจ้า) แต่สองอย่างที่ได้รับรู้ในวันนี้ก็คือ 1. ให้ดูแผนที่และป้ายรถเมลล์ในมาเก๊าเอาไว้ให้ดี เพราะรถเมล์ที่นี่บางสายจะวิ่งวนเป็นวงกลม หรืออาจจะวิ่งสวนทางไปกลับก็ได้
และ 2. คนที่นี่ใจดีมาก ถึงแม้จะพูดอังกฤษได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็เต็มใจจะช่วยนักท่องเที่ยวอย่างเราเสมอ ขอบคุณนะคะ

ตอนหน้าจะพูดถึงที่ท่องเที่ยวที่เราไปเดินเล่นหลังจาก เจอโรงแรมแล้ว ติดตามได้นะจ๊าาาาา

ไม่มีความคิดเห็น: